.

***อนิจา วาสนา ไพร่***


เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา


สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี


ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน


ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี


อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง


คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน



โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์

 

 

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี



สมบูรณาญาสิทธิราชย์ (อังกฤษ: Absolute Monarchy) คือ ระบอบการปกครองที่มีกษัตริย์เป็นผู้ปกครองและมีสิทธิ์ขาดในการบริหารประเทศ ในระบอบการปกครองนี้ กษัตริย์ก็คือกฎหมาย กล่าวคือ ที่มาของกฎหมายทั้งปวงอยู่ที่กษัตริย์ คำสั่ง ความต้องการต่าง ๆ ล้วนมีผลเป็นกฎหมาย[1] กษัตริย์มีอำนาจในการปกครองแผ่นดินและพลเมืองโดยอิสระ โดยไม่มีกฎหมายหรือองค์กรตามกฎหมายใด ๆ จะห้ามปรามได้ แม้องค์กรทางศาสนาอาจทัดทานกษัตริย์จากการกระทำบางอย่างและองค์รัฏฐาธิปัตย์ (กษัตริย์) นั้นจะถูกคาดหวังว่าจะปฏิบัติตามธรรมเนียม แต่ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์นั้น ไม่มีรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายใด ๆ ที่จะอยู่เหนือกว่าคำชี้ขาดของรัฏฐาธิปัตย์ ตามทฤษฎีพลเมืองนั้น ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มอบความไว้วางใจทั้งหมดให้กับพระเจ้าแผ่นดินที่ดีพร้อมทางสายเลือดและได้รับการเลี้ยงดูฝึกฝนมาอย่างดีตั้งแต่เกิด


ในทางทฤษฎี กษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์จะมีอำนาจทั้งหมดเหนือประชาชนและแผ่นดิน รวมทั้งเหนืออภิชนและบางครั้งก็เหนือคณะสงฆ์ด้วย ส่วนในทางปฏิบัติ กษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มักจะถูกจำกัดอำนาจ โดยทั่วไปโดยกลุ่มที่กล่าวมาหรือกลุ่มอื่น
กษัตริย์บางพระองค์ (เช่นจักรพรรดิเยอรมนี ค.ศ. 1871–1918) มีรัฐสภาที่ไม่มีอำนาจหรือเป็นเพียงสัญลักษณ์ และมีองค์กรบริหารอื่น ๆ ที่กษัตริย์สามารถเปลี่ยนแปลงหรือยุบเลิกได้ตามต้องการ แม้จะมีผลเท่ากับระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ แต่โดยทางเทคนิคที่เป็นไปได้แล้ว นี่คือราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ (constitutional monarchy) เนื่องจากการมีอยู่ของรัฐธรรมนูญและกฎหมายพื้นฐานของประเทศ
ประเทศที่ใช้ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในปัจจุบันคือ ซาอุดิอาระเบีย บรูไน โอมาน รวมทั้ง นครรัฐวาติกัน ด้วย



ประเทศไทยเคยปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ พระมหากษัตริย์มีอำนาจสิทธิ์ขาดในการปกครองแผ่นดิน ดังคำกล่าวที่ว่า

"พระบรมราชานุภาพของพระเจ้าแผ่นดิน กรุงสยามนี้ไม่ได้ปรากฏในกฎหมายอันหนึ่งอันใด ด้วยเหตุที่ถือว่าเป็นที่ล้นพ้น ไม่มีข้อสั่งอันใดจะเป็นผู้บังคับขัดขวางได้

เมื่อมีการปฏิวัติยึดอำนาจจากรัชกาลที่ 7 และเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตยใน พ.ศ. 2475 แล้ว ในทางนิตินัย พระราชอำนาจที่เคยมีมาอย่างล้นพ้นได้ถูกจำกัดลงให้อยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญ



ในสมัยโบราณ ไม่ปรากฏคำ "สมบูรณาญาสิทธิราชย์" ในภาษาไทยคำนี้ เกิดขึ้นจากการบัญญัติศัพท์ โดยแปลจาก "absolute monarchy" ในภาษาอังกฤษ เพื่อใช้แทนที่คำว่า "แอบโซลูดโมนากี" ซึ่งเป็นคำทับศัพท์เดิม โดยการสมาสศัพท์ดังต่อไปนี้
  • สมฺบูรณ (สันสกฤต : เป็นคำนฤคหิตสนธิจากคำว่า สํ+ปูรณ) - บริบูรณ์ , ครบถ้วน , ทั้งหมด , เด็ดขาด , สิ้นเชิง
  • อาญา (บาลี : อาณา , สันสกสกฤต : อาชญา) - อำนาจ , โทษ
  • สิทฺธิ (บาลี , สันสกฤต) - อำนาจอันชอบธรรม , ความสำเร็จ , อิสระ
  • ราชย (บาลี , สันสกฤต แผลงรูปมาจากคำว่า ราช) - ความเป็นกษัตริย์
เมื่อรวมกันแล้ว จึงมีความหมายว่า "ฐานะความเป็นพระมหากษัตริย์อันทรงสิทธิอำนาจเด็ดขาดทั้งปวง" นั่นหมายความถึง การที่พระมหากษัตริย์ทรงเป็นเจ้าชีวิตเหนือไพร่ฟ้าทุกคน พระองค์สามารถให้โทษหรืออภัยโทษแก่ผู้ใดก็ได้ในพระราชอาณาจักรของพระองค์เอง

....................


สังคมในสมัยอยุธยาประกอบด้วย พระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนาง ข้าราชการ ไพร่ ทาส และพระสงฆ์โดยมีอำนาจและหน้าที่ที่แตกต่างกันไป

ชนชั้นผู้ถูกปกครอง

                  
ไพร่    คือ ราษฎรทั่วไปที่ไม่ได้เป็นเจ้านาย ขุนนาง และทาส   บุคคลกลุ่มนี้มีมากที่สุดในสังคม ชายฉกรรจ์ทุกคนเมื่อมีอายุถึงกำหนดเริ่มตั้งแต่ ๑๘ หรือ ๒๐ ปี ต้องไปขั้นทะเบียนสังกัดมูลนาย มีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้รับมา ทั้งในภาวะที่สังคมสงบหรือมีสงคราม    โดยที่ไม่มีการให้ค่าตอบแทนแต่อย่างใด

ไพร่แบ่งออกเป็นหลายประเภท ได้แก่

                    
 - ไพร่หลวง หมายถึง ไพร่ที่ขึ้นต่อพระมหากษัตริย์โดยตรง ถูกเกณฑ์แรงงานมาทำงานตามที่ราชการกำหนด ซึ่งพระมหากษัตริย์จะแบ่งให้ไปทำงานในกรมหรือกองต่างๆ เข้าเวรทำงานตามเวลาที่ถูกกำหนด คือ ๖ เดือนต่อปี (เข้าเดือนออกเดือน)

                     
 - ไพร่ส่วย หมายถึง ไพร่ที่ส่งเงินหรือสิ่งของมาแทนตัวของไพร่แทนการทำงาน  เพื่อชดเชย อาจเนื่องจากอยู่ไกลจากเมืองหลวง     เข้ามารับราชการไม่สะดวก ตั้งแต่ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชมีการส่งเงินมาแทนแรงงานมากขึ้น เงินที่ส่งมานี่เรียกว่า เงินค่าราชการ เก็บในอัตราเดือนละ ๒ บาท หรือปีละ ๑๒ บาท
                     
 - ไพร่สม หมายถึง ไพร่ที่ขึ้นต่อขุนนางและข้าราชการต่างๆ เพื่อทำงานรับใช้โดยตรงไพร่นี้จะตกเป็นของมูลนายนั้นจนกว่ามูลนายจะถึงแก่กรรม ไพร่สมจะถูกโอนมาเป็นไพร่หลวง แต่บุตรของมูลนายเดิมมีสิทธิยื่นคำร้องของควบคุมไพร่สมนี้ต่อจากบิดาก็ได้
           
สิทธิทั่วไปของไพร่     เช่น     ไพร่จะอยู่ภายใต้สังกัดของมูลนายคนใดคนหนึ่งได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย    ไพร่ไม่สามารถย้ายสังกัดได้

       นอกจากมูลนายของตนจะยินยอม ที่ดินของไพร่สามารถสืบทอดไปยังรุ่นต่อไป แต่ถูกจำกัดสิทธิในการย้ายที่อยู่ และต้องขึ้นทะเบียนตามภูมิลำเนาของตน เป็นต้น หลังจากที่เข้าเวรทำงานครบ ๖  เดือนแล้ว สามารถกลับไปอยู่กับครอบครัวเพื่อประกอบอาชีพในครอบครัวได้อิสระ  เว้นแต่ในยาม สงคราม

............................



 


ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงการปกครองใน พ.ศ. 2475 เป็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่สำคัญของประวัติศาสตร์ชาติไทย

(บทความยกมาบาง)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

.

PEOPLE CHANNEL TV




วิทยุออนไลน์

สภาลานนา1

สภาลานนา2


สถานีวิทยุประชาธิปไตย
สถานี คนรู้ใจ
สถานี เสรีชน
สถานี ฅนไท
สถานี Baanram
สถานี V.O.D
สถานี แท๊กซี่
คนรู้ใจศรีบุญเรือง
สถานี คนรักไทย
สถานี ไทยเสรี
คนรู้ใจอุดรธานี
สถานี คนจริงใจ
predawn-radio.org
สถานีคนรักอุดร
สถานี รวมใจไทย

สถานีชุมชนเพื่อประชาชน